ข้อมูลทั่วไปของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF)
ชื่อโครงการจัดการ (ภาษาไทย) | กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี |
ชื่อโครงการจัดการ (ภาษาอังกฤษ) | Super Energy Power Plant Infrastructure Fund |
ชื่อย่อกองทุนฯ | SUPEREIF |
บริษัทจัดการ | บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด |
ผู้ดูแลผลประโยชน์ | ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) |
ที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการเสนอขายครั้งแรก | ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) |
ประเภทกองทุนฯ | เป็นกองทุนรวมปิดชนิดที่เสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนเป็นการทั่วไปประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งบริษัทจัดการจะยื่นขอจดทะเบียนหน่วยลงทุน เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ |
วัตถุประสงค์ของกองทุนฯ | เพื่อระดมเงินทุนจากนักลงทุน โดยนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนไปลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภทไฟฟ้า และ/หรือ พลังงานทางเลือกเป็นหลัก (โดยจะลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนเพื่อเป็นรายได้ให้แก่กองทุนฯ และทำให้กองทุนฯ สามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในระยะยาว) รวมถึงลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ หลักทรัพย์ และ/หรือตราสารอื่นๆตามที่กฎหมายหลักทรัพย์อนุญาตให้ลงทุนได้ |
อายุกองทุนฯ | ไม่มีกำหนดอายุ |
จำนวนเงินทุนโครงการ | 5,150 ล้านบาท และมีการกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินในวงเงิน 3,000 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนเงินที่ได้จากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนและการกู้ยืมเงินทั้งสิ้น 8,150 ล้านบาท |
ชนิดหน่วยลงทุน | มีชนิดเดียว ซึ่งมีสิทธิและผลประโยชน์ตอบแทนเท่าเทียมกันทุกประการ |
สิทธิประโยชน์และนโยบายการจ่ายเงินปันผลและการคืนเงินลงทุน |
กองทุนฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง เว้นแต่ปีปฏิทินแรกและปีปฏิทินสุดท้ายของการลงทุนของกองทุนฯ ซึ่งระยะเวลาการลงทุนหรือระยะเวลาจัดหาผลประโยชน์ในทรัพย์สินอาจไม่เต็มปีปฏิทิน บริษัทจัดการจะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาจำนวนครั้งของการจ่ายเงินปันผลในปีดังกล่าวตามความเหมาะสม (ในกรณีที่กองทุนฯมีกำไรสะสมเพียงพอ โดยเมื่อรวมแล้วในแต่ละงวดปีบัญชี จ่ายในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วหรืออัตราส่วนอื่นใดที่กฎหมายหลักทรัพย์อนุญาตให้กองทุนฯ จ่ายได้) นอกจากนี้ กองทุนฯ มีนโยบายคืนเงินลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของการลดทุน เมื่อกองทุนฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินตามที่โครงการจัดการกองทุนฯ และกฎหมายหลักทรัพย์ให้กระทำได้ |
แผนภาพแสดงความเสี่ยงของกองทุนฯ |
สำหรับการลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานครั้งแรก กองทุนฯ จะลงทุนในรายได้สุทธิที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ 17AYH และ HPM โดยรายได้หลักของโรงไฟฟ้าจะมาจากการขายไฟฟ้าให้แก่คู่สัญญาที่เป็นรัฐวิสาหกิจ คือ กฟภ. หรือ กฟน. (แล้วแต่กรณี) ซึ่งเป็นคู่สัญญาที่มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งสัญญาซื้อขายไฟฟ้ายังเป็นสัญญาซื้อขายระยะยาว และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แต่ละโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์มาเป็นเวลาประมาณ 3 ถึง 4 ปีแล้ว ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า กองทุนฯ มีการกำหนดให้โครงสร้างค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า มีการกำหนดราคาตามสัญญาที่แน่นอน และค่าใช้จ่ายบางส่วนของโรงไฟฟ้าเป็นแบบเหมา เพื่อลดความผันผวนของรายได้สุทธิ นอกจากนี้ ด้วยลักษณะของธุรกิจการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายให้แก่ กฟภ. หรือ กฟน. (แล้วแต่กรณี) ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้น การเกิดขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ๆ ก็มิได้มีผลกระทบทางลบต่อผลประกอบการของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่กองทุนฯ เข้าไปจัดหาผลประโยชน์ในรูปของการลงทุนในรายได้สุทธิ สำหรับการลงทุนครั้งแรกนี้แต่อย่างใด จึงเห็นว่า กองทุนฯ นี้มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกับกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม ซึ่งมีระดับความเสี่ยงในระดับ 7 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนโดยละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน |
การลงทุนในทรัพย์สินที่กองทุนฯ ลงทุนครั้งแรก | สิทธิในรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 19 โครงการ กำลังการผลิตรวม 118 เมกะวัตต์ ของ บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด (17AYH) และบริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (HPM) ซึ่งระยะเวลาการโอนสิทธิภายใต้สัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิเริ่มตั้งแต่วันที่กองทุนฯ เข้าลงทุนสำเร็จ ซึ่งคือวันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ โดย 17AYH หรือ HPM ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ทั้งนี้ ระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ (นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562) มีอายุคงเหลือประมาณ 21-22 ปี โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584 |
การลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม | นอกเหนือจากการลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิของ 17AYH และ HPM บริษัทจัดการในนามของกองทุนฯ อาจพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่น และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว โดยจะมีขอบเขตและแนวทางการลงทุนและการจัดหาผลประโยชน์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการจัดการกองทุนฯ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายหลักทรัพย์และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่อนุญาตให้กระทำได้ ณ ขณะนั้นๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยรวมเป็นสำคัญ |
จำนวนหน่วยลงทุน | 515 ล้านหน่วย |
ประเภทหน่วยลงทุน | ระบุชื่อผู้ถือ |
ราคาเสนอขายหน่วยลงทุน | 10 บาทต่อหน่วย |
จำนวนหน่วยลงทุนขั้นต่ำของการจองซื้อ | 2,000 หน่วย และเพิ่มครั้งละ 100 หน่วย |
ผู้จัดการการจัดจำหน่าย | ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) |
วิธีการจัดสรร | Small-lot First สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป |
ช่วงเวลาเสนอขาย | 22-26 และ 30 ก.ค. 62 ในเวลาทำการของสาขาที่เปิดรับจองซื้อ และ 31 ก.ค. 62 ก่อนเวลา 15.30 |
สถานที่จองซื้อ | ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขา ยกเว้นสาขาไมโคร |
การรับประกัน | ไม่มีการรับประกันผลตอบแทน |